วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ประกันชีวิต ธุรกิจยุคใหม่ ธุรกิจแห่งอนาคต และ ธุรกิจของคนรุ่นใหม่


หากชีวิตเลือกได้ดังที่ใจปรารถนา คงไม่มีใครต้องการเป็น “ลูกจ้าง” ไปตลอดชีวิต

ดังนั้น คนหนุ่มคนสาวรุ่นใหม่ จึงพยายามที่จะแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ เพื่อเปิดประตูสู่การเป็น “นักธุรกิจรุ่นใหม่” ผู้มีความใฝ่ฝันที่จะสร้างองค์กรธุรกิจของตนให้เติบโตและยิ่งใหญ่ ทั้งนี้ก็เพราะ ธุรกิจในยุคใหม่นั้น ได้พังทลายกำแพงในเรื่อง “เงินทุน” ซึ่งเคยเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจในอดีต และสิ่งที่สำคัญยิ่งในการทำธุรกิจในยุคใหม่ก็คือ แนวคิดดีดีที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย นั่นเอง

เช่นเดียวกับ “ตัวแทนประกันชีวิต” ในอดีต ที่ทำงานประกันชีวิตในฐานะของ “นักขาย” คนหนึ่งเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ตัวแทนประกันชีวิตรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง ได้เปลี่ยนแปลงแนวคิดและวิธีการทำงานสู่การเป็น “นักธุรกิจประกันชีวิต” และสามารถประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และ ร่ำรวยอย่างรวดเร็ว จากการสร้างองค์กรธุรกิจของตน

ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าคุณไม่สนใจ “งานขายประกันชีวิต” แต่มันคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย หากคุณไม่สนใจ “โอกาสทองทางธุรกิจ” ที่อยู่ตรงหน้าของคุณนี้

บล็อกแห่งนี้ อาจจะให้แนวคิดและแนวทางในการทำธุรกิจดีดีกับคุณ หรือ อาจจะให้ความรู้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่ หรือ อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ อย่างสิ้นเชิงก็ได้ ใครจะรู้?





วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รถไฟชีวิต




ชีวิตของผมนะหรือ ดูไปก็คล้ายๆกับขบวนรถไฟ

เพราะตั้งแต่เล็ก ผมเดินทางชีวิต ตามเส้นทางที่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ ถูกปลูกฝังไว้ว่า
“เรียนให้เก่งเข้าไว้จะได้มั่นใจว่ามีงานทำ”
พอเรียนจบ ก็มีคนบอกว่า
“ต้องไปทำงานที่นั่นที่นี่แล้วจะมีอนาคต”
พอได้งานทำในที่ๆเขาว่ามีอนาคต ก็มีคนบอกอีกว่า
“ให้ขยันเข้าไว้แล้วจะร่ำรวย”

แต่ดูเหมือนขบวนรถไฟชีวิตของผม มันเคลื่อนตัวไปอย่างเรื่อยๆ บนเส้นทางสายเดิมๆอย่างซ้ำซาก และน่าเบื่อหน่าย
“คุณเป็นคนเก่งนะ ทุกคนยอมรับ แต่ที่จะขึ้นเป็นกรรมการบริหารน่ะ คงต้องรอตามลำดับขั้น ตามอาวุโส”

ความสำเร็จที่ผมฝันไว้ มันช่างอยู่ห่างไกล และและใช้เวลายาวนานเหลือเกิน เกินกว่าที่ผมจะรอไหว ส่วนลึกในจิตใจ มันร่ำร้องให้ผม แสวงหาเส้นทางใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่รางแคบๆ แต่เป็นเส้นทางที่ผมเชื่อมั่นว่า

พลังความสามารถ และศักยภาพเต็มร้อยของผม จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้ผมก้าวไปสู่ เส้นทางสายใหม่ ที่ผมสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้ด้วยตัวผมเอง 

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เจ็บที่ต้องลดฝัน



ผมว่าผมคิดไม่ผิดที่คิดมีฝันอันยิ่งใหญ่
ฝันถึงชีวิตที่มั่งคั่ง อนาคตที่มั่นคง

ฝันถึงบ้านหลังโตๆ ที่ให้ผมมีความสุขได้ทุกมุมบ้าน มีสนามหญ้ากว้างๆให้ลูกๆได้วิ่งเล่น มีห้องครัวที่พร้อมให้ภรรยาของผม ได้สนุกกับการทำอาหาร มีรถเก๋งคันใหญ่ ที่ให้ความปลอดภัยกับพวกเราทั้งครอบครัว

แต่ความเป็นจริงในชีวิต ผมต้องแพ้พ่ายกับ
รายได้ที่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ถูกต้องของนโยบายองค์กร
รายได้ที่เป็นไปตามกำหนดกฎเกณฑ์ในแต่ละปี
รายได้ที่เป็นอัตราคงที่แต่ขึ้นช้าเหลือเกิน แม้จะทุ่มเทให้องค์กรอย่างสุดตัว

ถึงจะเป็นรายได้ที่แน่นอน
แต่มันกลับไม่เคยทำให้ความฝันของผมเป็นจริงได้สักที

ทุกวันนี้ ผมเจ็บปวดทุกครั้ง ที่ต้องคอยบอกตัวเองว่า
สิ่งที่ผมทำได้ก็เพียง ลดความฝันของตัวเองลง

ใช่ผมคงต้องลดความฝันของตัวเองลง
ตราบที่ผมยังเป็นมนุษย์ในรูปแบบเช่นนี้ มนุษย์เงินเดือน



วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ระบบสำรองของชีวิต




เพราะความรักแท้ๆ ที่ปลุกเขาลุกขึ้นในแต่ละวัน
ทั้งที่เหนื่อยแสนเหนื่อย แต่เขาไม่เคยปริปากบ่น
เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ฝันของครอบครัวกลายเป็นจริง
เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวเล็กๆในบ้านหลังนี้
มีอนาคตที่สดใส มีความมั่นคง มีความสุขสบาย
ด้วยความรักของลูกผู้ชาย ลูกผู้ชายที่เป็นคู่ชีวิตของฉัน

คู่ชีวิตของฉันคนนี้ เขาคือ หัวหน้าใหญ่ของครอบครัว
เป็นเรี่ยวแรงใหญ่ในครอบครัวเล็กๆของเรา

ในยามที่ฉันและลูกเจ็บ เขาถือเป็นเรื่องใหญ่
แต่เมื่อเวลาที่เขาเจ็บ เขาบอกฉันเสมอว่า
“แค่เล็กๆ”

มันทำให้ฉันเชื่อว่า ครอบครัวเล็กๆของเรา
เต็มไปด้วยความรักที่แสนจะยิ่งใหญ่ ที่มาจากใจของเขา

แต่เมื่อชีวิตคือความไม่แน่นอน ร่างกายมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร
วันที่เรื่องเล็กๆกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่
วันที่ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัว และนึกถึงใครคนหนึ่งที่พูดถึง
ระบบสำรองของชีวิต

เมื่อหัวหน้าใหญ่ของฉันคนนี้ ยอมเหนื่อยหนักกับงาน
เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวสุขสบาย
แล้วทำไม ฉันจะเพียงนั่งมองอยู่เฉยๆ
ฉันจะขอใช้เรี่ยวแรงเล็กๆของฉัน
เป็นระบบสำรองของชีวิต เคียงข้างไปกับเขา
เพื่อครอบครัวของเรา



วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฉันคือแม่ที่แย่ที่สุด



ฉันมั่นใจว่าความสุขที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกผู้หญิงอย่างฉัน
นั่นก็คือ การได้เป็นแม่
ฉันเคยคิดว่า การเป็นแม่ที่ดี คือ 
การพยายามทำทุกสิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่า ลูกของฉันต้องสุขสบาย

แต่ฉันคิดไปเองว่า ถ้าฉันขยันทำงานมากเท่าไหร่
ลูกของฉันก็ยิ่งสบายมากขึ้นเท่านั้น
ฉันคิดไปเองว่า ถ้าฉันมีเงินมากเท่าไหร่
ลูกของฉันก็จะยิ่งมีอนาคตที่มั่นคงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ฉันคิดไปเองว่า ถ้าฉันยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่
ลูกของฉันก็จะต้องยิ่งภูมิใจมากขึ้นในตัวฉัน

แต่แล้วฉันก็ได้ตระหนักว่า ทุกสิ่งที่ฉันคิด กลับต้องแลกด้วย
ความใกล้ชิดและความอบอุ่น อย่างที่แม่ควรมีต่อลูก

และที่ฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นแม่ที่แย่ที่สุด ก็เมื่อฉัน
เป็นคนที่ยอมขายเวลา วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ให้กับคนอื่น
แต่กลับลืมค่ำคืนในวันสำคัญ 
ที่มีใจดวงน้อย กำลังจรดจ่อรอคอย กับการกลับมาของ 
แม่แย่ๆอย่างฉัน